วันที่ 9 มกราคม 2563 เวลา 10.00 น.
ศ.ดร.อภิชาติ วรรณวิจิตร ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว,
ภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน
ข้าวกลายพันธุ์จากแปลงข้าวไรซ์เบอร์รี่เป็นข้าวใบสีชมพู ที่จังหวัดพิษณุโลก
"ไม่ได้เกิดจากข้าวไรซ์เบอร์รี่" จึงได้มีการแถลงข่าวขึ้นเพื่อทำความเข้าใจ
ตามที่ได้มีการออกข่าวการค้นพบข้าวกลายพันธุ์จากข้าวไรซ์เบอร์รี่ ใน ปี 2556 และได้ทำการคัดเลือกมา 4 ครั้ง จนเกิดเป็น ข้าวใบสีม่วง ชมพู ทั้งต้นอย่างสม่ำเสมอ ทางศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และหน่วยปฏิบัติการค้นหาและใช้ประโยชน์ยีนข้าว ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้ร่วมกันพัฒนาพันธุ์ข้าวไรซ์เบอร์รี่ภายใต้ทุนสนับสนุนจากคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช) มาตั้งแต่ ปี 2545 และได้จดคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่แล้วนั้น การค้นพบดังกล่าวเป็นที่น่าชื่นชม และตื่นตา แก่ผู้พบเห็น ทำให้คนไทยโดยเฉพาะเยาวชนเห็นมุมมองที่สวยงามของข้าวได้เป็นอย่างดี
แต่อย่างไรก็ตามการสันนิษฐานว่าข้าวเหล่านั้นเกิดการกลายพันธุ์จากข้าวไรซ์เบอร์รี่นั้น ยังมีความคลาดเคลื่อนทางวิชาการอยู่มาก การกลายพันธุ์เกิดจาก 2 สาเหตุ คือ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ (Spontaneous mutation) และเกิดขึ้นจากการกระตุ้น (Induced mutation) โดยใช้กัมมันตภาพรังสี, การใช้สารเคมีก่อการกลายพันธุ์ หรือ พันธุวิศวกรรม ในสาเหตุแรกจะเกิดขึ้นในอัตราที่ต่ำมาก และใช้เวลานานจึงจะสะสมการกลายพันธุ์ จนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของลักษณะใหม่ขึ้น การกลายพันธุ์ตามธรรมชาติ มักจะคงลักษณะของสายพันธุ์เดิมเอาไว้ และเมื่อถอดรหัสจีโนมจะพบว่ามีความเหมือนกับพันธุ์เดิมของมันมาก เช่น การเกิดข้าวหอมมะลิแดงจากข้าวหอมมะลิ 105 ที่ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก ส่วนการก่อการกลายพันธุ์นั้น รังสีหรือสารเคมีกระตุ้นให้จีโนมกลายพันธุ์ ไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้นักปรับปรุงพันธุ์สามารถคัดเลือกพันธุ์กลายที่มีทั้งดีและไม่ดี ยกตัวอย่าง เช่น การเกิดข้าวเหนียว กข 6 และ กข 15 โดยการอาบรังสี Gamma ray เพื่อถอดรหัสจีโนมดูจะพบว่ามีความแตกต่างจากพันธุกรรมดั้งเดิมมากกว่า
การกลายพันธุ์ตามธรรมชาติ ลักษณะที่สำคัญอีกประการหนึ่งของการก่อกลายพันธุ์ คือ ต้องใช้เวลานานในการสร้าง ความนิ่ง และความสม่ำเสมอ จากภาพที่ปรากฏในสื่อออนไลน์พบว่า ข้าวมีความสม่ำเสมอสูงในเวลาอันรวดเร็วจนสามารถขยายเมล็ดพันธุ์ได้เป็นจำนวนมาก ข้าวไรซ์เบอร์รี่เกิดจากการผสมข้ามระหว่างข้าวเจ้าหอมนิลและข้าวขาวดอกมะลิ 105 ไม่เคยมีการใช้สารก่อกลายพันธุ์แต่อย่างใด และได้รับคัดเลือกให้มีความสม่ำเสมอและคงตัว จนได้รับการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าวซึ่งได้รับมอบหมายจาก วช ในการขยายพันธุ์ต้นแบบมาตลอด ไม่เคยพบข้าวกลายพันธุ์ในลักษณะดังกล่าวแต่อย่างใด ขั้นตอนที่สำคัญ คือ การตรวจสอบสารพันธุกรรม (DNA)
ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว จึงตั้งสมมติฐานว่าข้าวใบสีม่วง-ชมพูทั้งต้น เกิดจากเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน มีเมล็ดปนจากข้าวสายพันธุ์ที่มีลักษณะดังกล่าวแม้จะมีจำนวนน้อย แต่หากไม่ได้ถูกกำจัดไประหว่าง ขบวนการขยายพันธุ์พืช ก็จะเพิ่มจำนวนได้ จนปรากฏให้เห็น ที่สำคัญ ข้าวสีม่วง-ชมพูดังกล่าว ไม่เหมือนข้าวไรซ์เบอร์รี่แต่อย่างใด ตั้งแต่ทรงกอ ทรงใบ วันออกดอก วันเก็บเกี่ยว คุณภาพหุงต้ม ความต้านทานโรค มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ข้าวที่สวยงามเหล่านี้มาจากอะไร ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว และหน่วยค้นหาและใช้ประโยชน์ยีนข้าว ได้ใช้กระบวนการอาบรังสีด้วยระบบ Fast Neutron มาตั้งแต่ปี 2552 โดยใช้ข้าวเจ้าหอมนิลจำนวน 1แสน เมล็ด และทำการสร้างห้องสมุด ข้าวกลายพันธุ์ จำนวนมากกว่า 20,000 สายพันธุ์ ที่ค่อนข้างนิ่งเอาไว้ในระหว่างนั้นก็ไม่พบข้าวใบสีม่วง-ชมพูแต่อย่างใด แต่พบการเกิดใบขาวขีดตามยาวแทรกตัวอยู่ระหว่างเส้นใบสลับสีเขียวและได้แยกออกมา จนสม่ำเสมอให้ชื่อว่า เจ้าหอมนิลลายคาดขาว นักปรับปรุงพันธุ์ของเราได้นำเอาข้าวเจ้าหอมนิลลายคาดขาวไปผสมพันธุ์ กับ ข้าวใบสีม่วงทั้งต้น คือ ข้าวก่ำหอมนิล ซึ่งเป็นลูกผสมของ ข้าวก่ำดอยสะเก็ดและข้าวเจ้าหอมนิล มาตั้งแต่ ปี 2549 ทำการคัดเลือกรูปลักษณ์ เฉดสี รูปแบบ และทรงใบ ให้เหมาะสมกับการใช้ประดับ และตั้งชื่อว่า “ข้าวสรรพสี” ในระยะแรกได้พัฒนาสายพันธุ์นิ่งแล้วจำนวน 5 สายพันธุ์ในปี 2556 สายพันธุ์ของข้าวสรรพสี มีลักษณะ ใบสีม่วง ชมพู ทั้งต้นอยู่ด้วย
ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าวเชื่อว่าข้าวใบสีม่วง ชมพู ที่พบในแปลงข้าวไรซ์เบอร์รี่เกิดจากการปนของข้าวสรรพสี ไม่ใช่การกลายพันธุ์ตามธรรมชาติ เพราะไม่เคยมีปรากฏว่าพบข้าวสีม่วง ชมพู ที่ไหนมาก่อน แม้จากข้าวก่ำพื้นเมืองที่มีสีม่วงเข้มทั้งต้นก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ดังนั้นข้าวดังกล่าวเป็นผลจากการผสมและคัดเลือกพันธุ์ โดยนักปรับปรุงพันธุ์เท่านั้น ดังนั้นการกล่าวว่าเป็นการกลายพันธุ์จากข้าวไรซ์เบอร์รี่ แท้จริงจึงเป็นไปได้ยาก
ในมุมมองของความเป็นเจ้าของสายพันธุ์นั้น ผู้ค้นพบอาจขอคำแนะนำจาก สำนักคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร ซึ่งดูแลเข้าถึงพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปและพันธุ์พืชใหม่ รวมทั้ง กองวิจัยพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร ก่อนจะทำการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ได้อย่างถูกกฎหมายต่อไป
ภาพขั้นตอนการปรับปรุงพันธุ์ข้าวสรรพสี