ข่าวประชาสัมพันธ์

Ucoming! Events

 

Joint International Conference on Sustainable Rice Cultivation and Vegetable Science & Innovation

งานประชุม นวัตกรรมข้าวและผัก

Rice and vegetables are key to global food security—especially in Asia. With climate change, limited resources, and growing populations, we urgently need sustainable innovations in rice cultivation and vegetable production.

วันที่: 24 October 2025 | Grandrish mon hotel, Nonthaburi, THAILAND

 

 

ประชุมวิชาการข้าวแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ข้าวเปลี่ยนวิถี อาหารเปลี่ยนโลก

งานประชุม วิจัยข้าวไทย

ข้าวคืออาหารหลักของคนไทยและพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ แต่การผลิตข้าวไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การแข่งขันด้านการส่งออก และความต้องการผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

งานประชุมครั้งนี้จะเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และนวัตกรรม เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของข้าวไทย

วันที่: 6-7 ธันวาคม 2568 | สถานที่: อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ประเทศไทยกำลังจะเสียแชมป์ข้าวหอมนุ่มให้กับเวียดนาม จริงหรือ ?

บทความโดย ศ.ดร.อภิชาติ วรรณวิจิตร

นับตั้งแต่ ปี 2559-2562 สถิติการส่งออกข้าวของไทยโดยรวมลดลง 32 % ในขณะที่เวียดนามลดลงเพียง 9 % โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกข้าวหอมจากประเทศไทย (1.1 ล้านตัน) ต่ำกว่าเวียดนาม(1.9 ล้านตัน) จึงทำให้น่าวิตกกังวลว่าอนาคตข้าวหอมไทยคงจะไม่สดใสอย่างแน่นอน มีปัจจัยที่สำคัญ คือ ผลผลิตข้าวหอมไทย (500-600 กก/ไร่) เมื่อเทียบกับข้าวหอมเวียดนาม( >1 ตัน/ไร่) เหตุผลข้อที่สอง คือ  ราคาข้าวหอมไทย (1,190 USD/ตัน) สูงกว่าของเวียดนาม (510 USD/ตัน) เหตุผลข้อที่สาม ข้าวหอมเวียดนามมีอายุสุกแก่สั้นกว่าข้าวหอมไทยมาก ปัจจุบันผู้บริโภคมักนิยมทานข้าวนอกบ้านทำให้ร้านอาหารเป็นลูกค้าที่สำคัญ เพื่อลดต้นทุน ร้านอาหารจึงนิยมสั่งข้าวนุ่มที่ราคาถูกกว่า มาเสริฟลูกค้า

 

 

 

ตาราง เปรียบเทียบอายุเก็บเกี่ยว ผลผลิต ขนาดเมล็ด และความหอมของข้าวที่ปลูกแบบปักดำในนาเกษตรอินทรีย์

พันธุ์ข้าว

อายุเก็บเกี่ยว (วัน)

ผลผลิตต่อไร่ (กก./ไร่)

ความยาวเมล็ดข้าวขัด (ม.ม.)

ความกว้างเมล็ดข้าวขัด (ม.ม.)

สัดส่วน

ความหอม
2AP (ppm)

หอมมาลัยแมน

110-115

599

7.43-7.90

1.83

4.06

4.89

ปทุมธานี 1

120

496

7.34

1.97

3.72

2.1

ST-24

110

264

7.25

1.72

4.22

4.3

 

 

การปรับปรุงพันธุ์ข้าวหอมในเวียดนามอยู่ในมือของบริษัทเอกชนที่เมือง SócTrăng ไม่ใช่รัฐบาล ประเทศเวียดนามได้ทุ่มเทการยกระดับผลผลิต ขนาดเมล็ด และคุณสมบัติทางกายภาพที่ยอดเยี่ยม จนทำให้ต้นทุนผลิตต่ำกว่าไทยมาก และในปี 2018 ข้าวพันธุ์ ST24 ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดข้าวโลก ยิ่งสร้างความกังวลใจให้ผู้ส่งออกข้าวหอมมะลิไทยมากขึ้น  เพื่อให้ข้าวหอมนุ่มไทยสามารถขายแข่งกับข้าวหอมเวียดนามได้ จำเป็นต้องยกระดับผลผลิตให้สูงขึ้น หรือ เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตในต้นทุนเท่าเดิมให้ได้

 

ข้าวหอมนุ่มพันธุ์ใหม่

เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตข้าวหอมนุ่มศูนย์ความเป็นเลิศด้านการปรัปปรุงพันธุ์ข้าว เพื่อความมั่นคงทางอาหาร, คุณภาพและโภชนาการ อันเป็นหน่วยงานร่วมของ ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว, มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ กับ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้ดำเนินการคัดเลือกสายพันธุ์ข้าวหอมนุ่มให้มีความต้านทานโรค-แมลงและทนน้ำท่วมฉับพลัน ให้มีผลผลิตสูง ในสภาพการปลูกแบบเศรษฐกิจพอเพียง(Sufficiency cultivation) และสภาพปลูกแบบผลผลิตยั่งยืน(Sustainable cultivation) จนทำให้เกิดสายพันธุ์ข้าวหอมอายุสั้น ผลผลิตสูงใหม่ ๆ ออกมาสู่ตลาด

 

ข้าวหอมมาลัยแมนเป็นข้าวหอมนุ่มที่มีกลิ่นหอมระดับสูง แม้จะปลูกในเขตชลประทานภาคกลาง มีเมล็ดเรียวยาวมากถึง 7.9 mm. ข้าวสารมีความใส อายุเก็บเกี่ยวสั้น(110 วันปักดำ, 95 วันนาหว่าน) ปลูกง่าย มีการปรับตัวดีกับความต้านทานโรค-แมลง ปานกลาง ในระดับแปลง ข้าวหอมมาลัยแมน กำลังได้รับการส่งเสริมให้ปลูกในภาคกลางและตะวันออก เพื่อเปิดตลาดในจีน เพื่อแข่งขันกับข้าวหอมของเวียดนาม แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับผลผลิตข้าว ST24 ในระบบการปลูกแบบปักดำในนาเกษตรอินทรีย์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าวพบว่ามีผลผลิตต่ำกว่าข้าวหอมมาลัยแมนเท่าตัวและมีความยาวเมล็ดสั้นกว่าข้าวหอมมาลัยแมน มีกลิ่นหอมใกล้เคียงกัน ดังนั้นข้าว ST24 จึงไม่น่าเป็นคู่แข่งที่สำคัญกับข้าวหอมไทย

 

การเกษตรแม่นยำเพื่อยกระดับกลิ่นหอม

ปัจจุบันผู้บริโภคมีความรู้สึกว่าข้าวหอมมีกลิ่มหอมน้อยลงการพัฒนาข้าวหอมพันธุ์ใหม่ที่สามารถผลิตสารหอมได้มากขึ้นก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งที่จะทำให้ข้าวหอมหอมมากยิ่งขึ้น คือ วิธีการกระตุ้นกระบวนการสร้างสารหอมให้สูงขึ้นโดยการกำหนดฤดูปลูก การใช้ปุ๋ย ธาตุอาหาร น้ำ และสารกระตุ้นกลิ่นหอม อากาศที่เย็น การขาดน้ำ และความเค็ม ในระยะสร้างเมล็ดจะทำให้ข้าวมีความหอมมากยิ่งขึ้น แต่ทำให้ผลผลิตลดลง การใช้ปุ๋ยเคมีที่มุ่งเน้นผลผลิตสูงสุดในทางตรงกันข้ามจะไปลดการสะสมสารหอมในเมล็ดข้าวศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าวร่วมกับสำนักนวัตกรรมแห่งชาติ ได้พัฒนาวิธีการปลูกข้าวหอมให้หอมยิ่งขึ้นที่เรียกว่าเทคนิคกระตุ้นกลิ่นหอม เทคนิคดังกล่าวสามารถเพิ่มการสะสมสารหอมได้มากกว่า 30% ในข้าวหอมมะลิ ขณะเดียวกันยังเพิ่มผลผลิตและคุณภาพข้าวให้สูงขึ้นด้วย โดยเพิ่มต้นทุนเพียงเล็กน้อย ทำให้ผลผลิตข้าวหอมเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคและมีราคาสูงขึ้นได้

 

 

ภาพสายพันธุ์ข้าวที่พัฒนาโดยความร่วมมือระหว่าง ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าวและทีมวิจัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีชีวภาพพืชและการเกษตรแบบแม่นยำ (ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการปรัปปรุงพันธุ์ข้าวอย่างแม่นยำ เพื่อความมั่นคงทางอาหาร คุณภาพและโภชนาการ)

 


ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการปรัปปรุงพันธุ์ข้าวอย่างแม่นยำ เพื่อความมั่นคงทางอาหาร คุณภาพและโภชนาการ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน

http://dna.kps.ku.ac.th

 

 

 

 

การบริหารการตลาดข้าวหอมไทย

          ประเทศไทยมีมาตรฐานข้าวหอมอยู่ สองส่วน คือ ข้าวหอมมะลิไทย (Thai Hommali Rice) และข้าวหอมไทย (Thai Jasmin Rice) ข้าวหอมมะลิไทย เป็นผลผลิตจากข้าวขาวดอกมะลิ 105 และ กข15 โดยมีลักษณะทางกายภาพ, เคมี และความบริสุทธิ์ของสายพันธุ์ (DNA test) ที่เข้มงวด ส่วนข้าวหอมไทยเป็นผลผลิตของข้าวหอมที่ไม่ใช่ข้าวหอมมะลิไทย โดยมีข้อกำหนดเรื่อง กายภาพ, เคมี, การหุงต้ม และความบริสุทธิ์ของสายพันธุ์ที่หย่อนกว่า แต่อย่างไรก็ตามมาตรฐานข้าวนุ่มที่ไม่มีกลิ่นหอมยังไม่ได้ถูกกำหนด ในที่สุดข้าวนุ่มไม่หอมจึงถูกนำไปผสมกับข้าวหอมชั้นหนึ่ง ทำให้คุณภาพของข้าวหอมมะลิไทยเสียหาย ในหลายกรณีข้าวพื้นนุ่มที่ไม่มีตลาด ถูกนำไปผสมกับข้าวพื้นแข็ง ทำให้คุณภาพการทำข้าวนึ่ง, เส้นก๋วยเตี๋ยว และขนมจีน ด้อยคุณภาพลง  เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าวพื้นนุ่มเจือปนในข้าวชนิดอื่นๆ รัฐบาลจำเป็นต้องกำหนดมาตรฐานข้าวพื้นนุ่มขึ้นมา และทำตลาดสู่ผู้บริโภคที่ชอบบริโภคข้าวนุ่มทั้งในและต่างประเทศต่อไป เพื่อทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันข้าวไทยในตลาดโลกสูงขึ้น

บทความล่าสุด

ข่าวประชาสัมพันธ์

เว็บไซต์ของเรามีการใช้คุกกี้ เพื่อให้ท่านได้รับการใช้งานเว็บไซต์ที่ดีแสดงผลได้ถูกต้อง เมื่อใช้งานเว็ปไซต์ของเราต่อถือว่ายินยอมให้มีการใช้งานคุกกี้