เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2552
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงพระราชทานวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯทูลเกล้าฯถวายเหรียญสดุดีพระเกียรติคุณ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช”ที่ทรงอุทิศกำลังพระวรกายในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาพันธุ์ข้าวและผลิตข้าวไทย และกราบบังคมทูลรายงานเกี่ยวกับสิทธิบัตรยีนความหอมในข้าว เวลา 17.40 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมด้วย นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาททูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเหรียญสดุดีพระเกียรติคุณ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช”
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และที่ทรงอุทิศกำลังพระวรกายในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาข้าวและผลิตข้าวไทยเป็นประโยชน์แก่พสกนิกรและประเทศไทยอย่างไพศาลตลอดมา โดยเหรียญดังกล่าว ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ร้อยละ 96.5 น้ำหนัก 29 บาท ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 9.9 เซนติเมตร ด้านหน้ากลางเหรียญมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้านหลังกลางเหรียญมีข้อความว่า “80 พรรษา” เบื้องล่างมีรวงข้าวและข้อความว่า “ข้าวทองคำ” ส่วนด้านในเหรียญบรรจุเมล็ดข้าว 9 พันธุ์ ประกอบด้วย พันธุ์ข้าวที่ใช้ในพระราชพิธีมงคลจรด พระนังคัลแรกนาขวัญ ได้แก่ ข้าวพันธุ์ปทุมธานี 1 ข้าวสุพรรณบุรี 1 ข้าวขาวดอกมะลิ 105 กข 6 พัทลุงและข้าวเจ้าพิษณุโลก 1 พันธุ์ข้าวพื้นเมือง ได้แก่ พันธุ์สังข์หยด และพันธุ์ที่พัฒนาใหม่ ได้แก่ พันธุ์ข้าวดอกมะลิ 105 ทนน้ำท่วมฉับพลันและพันธุ์ไรซ์เบอรี่ และกราบบังคมทูลรายงานเกี่ยวกับสิทธิบัตรยีนที่ควบคุมความหอมในข้าว ซึ่งกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ค้นพบยีนที่ควบคุมความหอมในข้าว ซึ่งการค้นพบดังกล่าวจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประเทศไทยในการปกป้องการนำยีนความหอมไปใช้ประโยชน์ในเชิงการค้า การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการควบคุมการผลิตสารหอมในข้าว และการปรับปรุงพันธุ์ข้าวต่อไป ในการนี้ สำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ออกสิทธิบัตรให้ เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2551นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการยื่นจดสิทธิบัตรในเครือรัฐออสเตรเลีย สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประเทศไทย ประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐฝรั่งเศส และกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป อีกด้วย
ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานพระราชดำรัสเพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติงานกับคณะผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทว่า
"ขอบใจที่ได้จดสิทธิบัตรนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการประกันว่าข้าวไทยเป็นของไทยแท้ เพราะแต่ก่อนก็หนักใจว่า เรากินข้าวไทยมานานแล้วจะต้องกลายเป็นข้าวของฝรั่ง เพราะว่าสิทธิบัตรนี้เป็นของฝรั่ง แต่ว่าสิทธิบัตรที่ได้นี้จะเป็นหลักประกันว่า เรากินข้าวไทยและจะได้กินข้าวไทยต่อไป ฉะนั้นการที่มีสิทธิบัตรนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ และหวังว่าทุกคนจะรักษาความเป็นไทยได้ด้วยการกินข้าวไทยไม่ต้องกินข้าวฝรั่ง ขอขอบใจทุกคนที่ได้จัดการเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ สำหรับในนามของคนไทยทั้งหลายที่มีความภูมิใจที่ได้กินข้าวไทย ก็ขอขอบใจทุกคนที่ตั้งใจในการทำงานเพื่อการนี้ ขอให้ท่านได้ช่วยกันทำให้เราสามารถกินของไทย กินข้าวไทยได้แล้ว ไม่ใช่ต้องไปกินข้าวฝรั่ง ถือว่าการที่ได้กินข้าวไทยนี้จะทำให้คนไทยมีความภูมิใจในความเป็นไทยได้ และได้เป็นคนไทยต่อไป" |
หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานพระราชดำรัสจบ จากนั้นทรงมีพระราชปฏิสันถารกับคณะผู้เข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิด และมีรับสั่งขอบใจหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ช่วยกันทำงานอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกันนี้มีพระราชดำริเพิ่มเติมให้ช่วยดูแลเรื่องการจดสิทธิบัตรสุนัขพันธุ์ไทยแท้ โดยทรงยกตัวอย่างครอบครัวคุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยงที่เกิดในประเทศไทย